วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

เด็กรักป่าสุรินทร์


เด็กรักป่าสุรินทร์

ความเป็นมาของกลุ่มเด็กรักป่า

       กลุ่มเด็กรักป่า เกิดจาก เข็มทอง - อาริยา โมราษฎร์ ร่วมกันจัดค่ายเด็กรักป่าไปตามหมู่บ้านของภาคอีสาน ภายใต้โครงการป่าชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน เด็กๆ ได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของธรรมชาติ ความสัมพันธ์ของสิ่งแวดล้อมกับผู้คน ด้วยความรัก ความจริงใจ และความงดงามของศิลปะ จากวันนั้นถึงวันนี้ กลุ่มเด็กรักป่า ก่อตั้งเป็นโรงเรียนเด็กรักป่า ตั้งอยู่บริเวณชุมชน ตำบลสำโรง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เปิดสอนศิลปะสุดสัปดาห์สำหรับเด็กๆตามหมู่บ้านในบริเวณรอบๆ ร่วมกับกลุ่มแม่บ้านในการทำงานศิลปะจากธรรมชาติ เพื่อจำหน่ายเป็นรายได้ให้กับชุมชน รวมทั้งจัดค่ายศิลปะธรรมชาติให้กับกลุ่มเยาวชน นักศึกษา ตลอดจนผู้สนใจทั้งไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งศูนย์ศิลปะธรรมชาติเด็กรักป่า ในตัวเมือง จังหวัดสุรินทร์ เพื่อสอนศิลปะกับธรรมชาติแก่เด็กในเมือง


ภาพวาดในงานศิลปะ



    

       จากที่ข้าพเจ้าได้ไปโครงการเด็กรักษาป่าในครั้งนี้ ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกความดี ๆ ที่ได้รวมกันอนุรักษ์ธรรมชาติควบคู่กันไปกับงานศิลปะ ทำให้รู้ว่าป่าเป็นทรัพยากรที่สำคัญของชาติ ให้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่ประชาชน ช่วยรักษาความสมดุลของภาวะแวดล้อมและป้องกันภัยธรรมชาติซึ่งนำความเสีย หายอย่างร้ายแรงแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน สาเหตุที่ทำให้ภัยธรรมชาติ ส่วนหนึ่งมาจากการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าจนทำให้เกิดความเสียหายต่อสภาพป่าไม้ ของชาติ ทำให้เกิดความไม่สมดุลทางภาวะแวดล้อมขึ้นจนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตและ ทรัพย์สิน ดังน้นเราควรช่วยกันปกป้องและรักษาป่าไม้เอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

 

การทำลวดหนาม




การทำลวดหนามของชาวบ้านถือว่าเป็อาชีพอย่างหนึ่งที่ช่วยให้ชุมชนมีรายได้มีอาชีพ


การละเล่นพื้นบ้าน


การรำสากของน้องๆเป็นการละเล่นพื้นเมืองที่อนุรักษ์ศิลปะอย่างหนึ่ง

 

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

วันแม่


ประวัติวันแม่แห่งชาติ




แต่เดิมนั้น วันแม่แห่งชาติได้ กำหนดเอาไว้เมื่อ วันที่ 15 เมษายน ของทุก ๆ ปี ซึ่งเป็นมติของคณะรัฐมนตรีประกาศรับรอง เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2493 ได้พิจารณาเห็นว่าการจัดงานวันแม่ของ สำนักวัฒนธรรมฝ่ายหญิง สภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้รับมอบหมายให้จัดงาน วันแม่ มาตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน พ.ศ.2493 เป็นครั้งแรกเป็นต้นมา นั้นได้รับความสำเร็จด้วยดีด้วยประชาชนให้การสนับสนุนจนสามารถขยายขอบข่าย ของงานให้กว้างขวางออกไป และมีการจัดพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา การประกวดคำขวัญวันแม่ ประกวดเรียงความวันแม่ การประกวดแม่ของชาติ เพื่อให้เกียรติและตระหนักในความสำคัญของแม่ ด้วยเหตุนี้งานวันแม่จึงเป็นวันแม่ประจำปีของชาติตามประกาศของ รัฐบาลฯพณฯ จอมพล ป.พิบูลสงคราม
โดยทั่วไปเรียกกันว่าวันแม่ของชาติ
ต่อมา พ.ศ.2519 ทางราชการได้เปลี่ยนแปลงใหม่ให้ถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนาง เจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คือ วันที่ 12 สิงหาคม เป็น วันแม่แห่งชาติ เริ่มใน ปี พ.ศ.2519 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน


สัญลักษณ์ที่ใช้ในวันแม่

ดอกมะลิดอก มะลิ ซึ่งมีสีขาวบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมไปไกลและหอมได้นาน อีกทั้งยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลาย มะลิ เป็นพืชดอก พบได้ในเอเชีย ดอกมีกลิ่นหอมเย็น คนไทยนิยมนำมาลอยน้ำเย็นเพื่อดื่ม

พันธุ์ดอกมะลิ

    • มะลิลา หรือ มะลิซ้อน เป็นไม้รอเลื้อย กิ่งอ่อนและกิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อนมีขน ใบเป็นใบเดียวออกเป็นคู่ตรงกันข้ามกัน ใบเป็นรูปไข่ขอบเรียบ ดอกออกเป็นช่อ มี 3 ดอก ดอกกลางบานก่อน กลีบดอกชั้นเดียว ปลายกลีบมน ดอกสีขาว
    • มะลุลี ลักษณะต้น ใบ อื่น ๆ คล้ายมะลิลา แต่ใบใหญ่กว่าดอกออกเป็นช่อ มี 3 ดอก และดอกกลางบานก่อน เช่นกัน แต่มีดอกซ้อน 3-4 ชั้น ปลายกลีบมน
    • มะลิถอด ลักษณะ โดยทั่ว ๆ ไป ทั้งต้น ใบ การจัดเรียงของใบ รูปแบบของใบคล้ายมะลิลาซ้อน แต่ใบเป็นคลื่น ดอกเป็นช่อมี 3 ดอก ดอกซ้อนมากชั้นกว่า คือ 3-6 ชั้น
    • มะลิซ้อน ลักษณะ ทั่ว ๆ ไปคล้ายมะลิถอด และมะลิลาซ้อน แต่ใบมีลักษณะแคบกว่า ดอกออกเป็นช่อมี 3 ดอกเช่นกัน กลีบดอกซ้อน แต่ซ้อนกว่า 5 ชั้น
    • มะลิพิกุล หรือ มะลิฉัตร ลักษณะต่าง ๆ คล้ายกับ 4 ชนิดแรก ใบคล้ายมะลิซ้อนและมีคลื่นเล็กน้อย ดอกเป็นช่อ 3 ดอก ดอกซ้อนเป็นชั้น ๆ

เพลงที่ใช้ในวันเเม่

ค่าน้ำนม คือ เพลงอย่างเป็นทางการที่ใช้ในงานวันเเม่เเห่งชาติ เเต่งขึ้นโดย อาจารย์ สมยศ ทัศนพันธ์ ได้เรียบเรียงบทเพลงที่เรียกได้ว่า ขึ้นหิ้งอมตะ และเป็นงานเพลงชิ้นเอก ซึ่งได้ฟังเมื่อไร เป็นต้องหวนระลึกถึงบุญคุณของเเม่เเละวันคืนเก่าๆ ของวิถีไทยในสมัยก่อน



otop สุรินทร์












  เข่งปลาทู,เข่งติ่มซำ
ประวัติความเป็นมา
การ บริโภคปลาทูของคนไทยอยู่คู่กันมาช้านาน ชุมชนบ้านทนง ซึ่งมีความคิดที่จะสร้างงานเพื่อเสริมรายได้เพิ่มเติมหลังฤดูกาลทำนา จึงได้รวมกลุ่มเพื่อทำเข่งปลาทู โดยใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่น และได้พัฒนารูปแบบให้เป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น และมีความคงทน
- กระบวนการขั้นตอนการผลิต
นำ ไม้ใผ่มาพักไว้ 3-5 วัน หลังจากนั้นก็เลื่อยตัดตามความยาวที่ต้องการ แล้วผ่าเป็นขอบนอกและขอบใน หลังจากตัดเอาแล้วเอาไปไสบาง ๆ เพื่อทำตัวสายขัดลาย แล้วขึ้นขอบนอกแล้วประกอบขอบใน ใช้เชือกมัดให้แน่น ใช้ไม้ขัดกันอีก 3 อัน เป็นการเสร็จเรียบร้อย
-จุดเด่นของผลิตภัณฑ์
สวยงาม คงทน ปลอดภัยจากสารเคมี
-ปริมาณการผลิต
10,000 ใบต่อวัน
-ราคา
อันละ 1 บาท
-สถานที่จำหน่าย

 25 หมู่ 6 ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 0-1967-6485
-สนใจสั่งซื้อ หรือขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเมือง


  ผ้าไหมยกทอง




ประวัติความเป็นมา
ผ้า ยกทอง คือ ผ้าที่ทอยกลวดลายให้สูงกว่าพื้นผ้า โดยจะมีเส้นยืนและเส้นพุ่งขัดสานกันตามปกติ และมีเส้นพุ่งพิเศษไประหว่างเส้นยืน จึงจะปรากฏลวดลายขึ้นมา ในอดีต ผ้ายกทองเป็นผ้าที่บุคคลระดับสูง ตั้งแต่พระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศ์ษานุวงศ์มักใช้นุ่งภายในราชสำนักตั้งแต่สมัยสุโขทัยอยุธยา แต่สำหรับเหล่าขุนนางนั้น จะมีสิทธินุ่งได้ก็ต่อเมื่อได้รับพระราชทานจากพระมหากษัตริย์เท่านั้น
 กระบวนการขั้นตอนการผลิต
ออก แบบลาย ใช้เทคนิคการทอแบบผ้ายกโบราณ ที่มีความยากในเรื่องของลาย ต้องมีการเก็บลาย ซึ่งต้องใช้ตะกอเส้นพุ่งพิเศษ ที่ทำให้เกิดลายซึ่งมีตะกอมาก หากวางบนพื้น มีความยาว 2-3 เมตร จึงขุดหลุมลงไป เพื่อรองรับความยาวของตะกอลายที่ห้อยลงมาจากกี่ทอผ้า เพื่อสอดตะกอไม้ได้ด้วย และกี่หนึ่งต้องใช้คนทอประมาณ 4 คน ทอได้ประมาณ 5-6 ซม./วัน
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์
เป็น ผ้ายกทองชั้นสูง เป็นลายแบบราชสำนักไทยโบราณ เช่น ครุฑยุดนาค ลายหิ่งห้อยชมสวน ลายย่อมุมไม้สิบสอง ลายกรวยหอก ความโดดเด่นเป็นผ้าทอมือที่งามวิจิตรพิสดาร ตั้งแต่ตะกอลาย 350 ตะกอ ถึง 1.418 ตะกอ
ปริมาณการผลิต
3 เดือน/ 1 ผืน
 ราคา
80,000 บาท ถึงหลักแสนบาท
 สถานที่จำหน่าย

- 150 หมู่ 1 ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 0-1726-0397
- 150 หมู่1 ท่าแสวง เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์
สนใจสั่งซื้อ หรือขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเมืองสุรินทร์


งานช้างจังหวัดสุรินทร์2555Surin Elephant Round-Up 2012


วันนี้ขอนอกเรื่องแล้วกันนะค่ะ   มาดูงานช้างจังหวัดสุรินทร์ 2555 Surin Elephant Round-Up 2012ปีนี้ได้จัดในวันที่  14 - 25 พฤษจิกายน 2555 

ว้าวจะถึงแล้ว
มาดูประวัติการเป็นของงานช้างจังหวัดสุรินทร์Surin Elephant Round-Up
บริเวณตอนเหนือของจังหวัดสุรินทร์ ในแถบตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม และตำบลหนองไผ่ อำเภอชุมพลบุรี เป็นถิ่นที่อยู่ของชนพื้นเมืองชาว "กวย" หรือ "ส่วย" นิยมเลี้ยงช้างมาแต่โบราณกลาล เพื่อนำไปใช้ในและพิธีต่าง ๆ โดยเฉพาะที่บ้านตากลาง ตำบลกระโพ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดสุรินทร์ประมาณ 58 กิโลเมตร ชาวบ้านนิยมเลี้ยงช้างไว้เป็นจำนวนมาก จนมีผู้รู้จักบ้านตากลางในนามของ "หมู่บ้านช้าง"
          หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ใกล้กับลำน้ำมูลและลำน้ำชี เดิมพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่า มีความอุดมสมบูรณ์มาก เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2503 นายวินัย สุวรรณกาศ นายอำเภอท่าตูม ได้จัดงานแสดงช้างขึ้นที่บริเวณสนามบินเก่า อำเภอท่าตูม (ที่ตั้งโรงเรียนท่าตูมประชาเสริมวิทย์ในปัจจุบัน) เพื่อเฉลิมฉลองที่ว่าการอำเภอหลังใหม่ ในงานมีการแสดงขบวนแห่ช้าง การแข่งขันช้าง วิ่งเร็ว การคล้องช้าง ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก มีการแพร่ภาพประชาสัมพันธ์ทั้งทางหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ ทำให้ชาวไทยและชาวต่างประเทศเกิดความสนใจเป็นอย่างมาก ในปีต่อมา อสท.(ททท.) จึงได้เข้ามาให้การสนับสนุนโดยร่วมกำหนดรูปแบบของการแสดงและนำนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างประเทศมาชมการแสดง
          ในปี พ.ศ. 2505 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้การจัดงานช้างเป็นงานประจำปีของชาติ และให้ส่วนราชการต่าง ๆ สนับสนุน นายคำรณ สังขกร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ในสมัยนั้น พิจารณาเห็นว่า การจัดงานที่อำเภอท่าตูมไม่สะดวกในการเดินทางของนักท่อง เที่ยวจึงได้ย้ายสถานที่จัดงานมาที่สนามกีฬาจังหวัดตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน และได้กำหนดจัดงานแสดงช้างจังหวัดสุรินทร์เป็นวันเสาร์ - อาทิตย์ที่ 3 ของเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
  
ขอบคุณภาพจาก http://surin108.com/

จังหวัดสุรินทร์ เตรียมจัดงานต้อนรับและเลี้ยงอาหารช้าง ประจำปี 2555 อย่างยิ่งใหญ่คาดว่าจะมีช้างเข้าร่วมกว่า 300 เชือก

วันที่ 17 สิงหาคม 2555 ที่ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ นายพิภพ ดำทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานประชุมเตรียมการจัดงาน ต้อนรับและเลี้ยงอาหารช้างสุรินทร์ ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2555 ณ บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง เพื่อเลี้ยงต้อนรับช้างเข้าเมืองกว่า 300 เชือกที่มาร่วมแสดงงานมหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์ และเป็นส่วนหนึ่งของการประชาสัมพันธ์การจัดงานมหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์ ประจำปี 2555 ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น สำหรับการจัดงาน "ต้อนรับและเลี้ยงอาหารช้างสุรินทร์” ได้จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2543 และได้จัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีจนถึงปัจจุบัน นับเป็นเทศกาลงานประเพณี ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นทีรู้จักของคนทั่วโลก ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวจังหวัดสุรินทร์ โดยมีกิจกรรมภายในงานที่ความหลากหลาย ดังนี้ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2555 จะมีการการจัดประกวดขบวนรถอาหารช้างเคลื่อนที่ ของหน่วยงานต่างๆ ที่ตระการตาไปด้วยผักผลไม้ที่นำมาประดับตกแต่งขบวนรถอย่างอลังการ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2555 การจัดขบวนแห่ต้อนรับช้างเข้าเมือง มีช้างจำนวนกว่า 300 เชือก ร่วมขบวนอย่างยิ่งใหญ่ และจะมีการเลี้ยงโต๊ะอาหารช้างความยาวกว่า 400 เมตร น้ำหนักอาหารกว่า 50 ตัน ซึ่งมีการบันทึกในกินเนสบุ๊ค เรคคอร์ด (Guinness Word Record) เมื่อปี 2546 ว่าเป็นการเลี้ยงบุฟเฟต์อาหารช้างที่ยิ่งใหญ่และยาวที่สุดในโลก นอกจากนี้ ยังมี กิจกรรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น การประกวดสาวงามเมืองช้าง การประกวดช้างสุขภาพดี ประกวดวาดภาพช้าง การประกวดเรียงความ และการแข่งขันหนุ่มสาวพลังช้าง และการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน เป็นต้น นายพิภพ ดำทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า เพื่อป้องกันปัญหาช้างตกมัน และช้างทำร้ายนักท่องเที่ยว จังหวัดสุรินทร์ได้มอบหมายให้ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ จัดการซ้อมแผนเผชิญเหตุร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับมือกรณีเกิดเหตุช้างตกมัน หรือช้างทำร้ายร่างนักท่องเที่ยว โดยจะคัดเลือกช้างที่มีนิสัยดีมาร่วมงาน เพื่อให้การจัดงานมหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์ ประจำปี 2555 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยิ่งใหญ่ และสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวทุกคน
///////// ประนนท์ ไม้หอม / ข่าว/ส.ปชส. สุริทร์


ขอคุณจากwww.surin.go.th
 บัตรเข้าชมงานช้างจังหวัดสุรินทร์Surin Elephant Round-Up
          ราคาเข้าชมการแสดงช้าง มีราคา 1,000 บาท 500 บาท 300 บาท และ 40 บาท
          * บัตรราคา 1,000 บาท และ 500 บาท สามารถสั่งจองล่วงหน้าและชำระเงินโดยดาวน์โหลดแบบฟอร์มชำระเงินค่าบัตรชมการ แสดงช้างที่ www.surin.go.th
          รายละเอียดและกำหนดการดูได้จากเว็บไซต์ www.surin.go.th